กลยุทธ์ O2O Marketing คืออะไร?
O2O Marketing หมายถึง "Online to Offline Marketing" หรือกลยุทธ์การตลาดที่เน้นการผสานแบบทั้งออนไลน์และแบบทั้งออฟไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่เชื่อมโยงกันระหว่างโลกออนไลน์และโลกนอกออนไลน์ของลูกค้าให้เกิดการมีส่วนร่วมกับธุรกิจ
ตัวอย่าง ของกลยุทธ์ O2O Marketing ได้แก่:
1. รหัสส่วนลดแบบออนไลน์และใช้งานแบบออฟไลน์: ธุรกิจสามารถสร้างรหัสส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษที่ลูกค้าสามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ลูกค้าสามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ ผ่านแอปพลิเคชั่นและเลือกรับสินค้าที่ร้านก็ได้โดยใช้รหัสส่วนลดที่ได้รับมาจากออนไลน์
2. การใช้ข้อมูลออนไลน์เพื่อเป้าหมายและสร้างประสบการณ์: ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากการติดตามพฤติกรรมออนไลน์ของลูกค้าเพื่อปรับแผนการตลาดและกิจกรรมในรูปแบบออฟไลน์ เช่น ส่งข้อความโปรโมชั่นเฉพาะบุคคลถึงลูกค้าที่มีแนวโน้มที่จะสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ
3. การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการซื้อ: การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อแชร์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ สามารถกระตุ้นให้ผู้คนมีความสนใจไปที่ร้านออฟไลน์ได้
4. การใช้พื้นหน้าร้านเพื่อสนับสนุนการตลาดออนไลน์: เช่น การจัดกิจกรรมและ Event ที่ร้านเพื่อสร้างความตื่นเต้น สร้างการรับรู้ และสร้างความสนใจในสื่อออนไลน์ได้
O2O Strategy มีอะไรบ้าง กลยุทธ์ O2O (Online to Offline)
1. คูปอง รหัสส่วนลด: จัดแคมเปญโปรโมชั่นออนไลน์เพื่อสร้างความสนใจจากลูกค้า และให้ลูกค้าไปใช้รหัสส่วนลดหรือคูปองที่ได้รับในร้านออฟไลน์เพื่อสร้างการขายและเสริมยอดขายในร้านจริงๆ
2. การจัดกิจกรรมและอีเวนต์: ใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมตกิจกรรมหรืออีเวนต์ที่จัดขึ้นในสถานที่ออฟไลน์ เช่น การจัดเทศกาล การสัมมนา งานแสดงสินค้า เป็นต้น เพื่อดึงดูดความสนใจและเข้าชมสถานที่ที่จริง
3. การติดตามและวัดผล: ใช้เทคโนโลยีในการติดตามและวัดผลของกิจกรรมออนไลน์ที่ส่งผลต่อการเข้าร้านจริง โดยวัดตัวชี้วัดเช่นความถูกต้องของข้อมูล ยอดการเข้าร้านหรือยอดขายที่เพิ่มขึ้น เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ต่อไป
4. พื้นที่สาธารณะในการตลาด: ใช้สถานที่สาธารณะเช่นห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ถนนค้า เป็นพื้นที่ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ ร่วมกับการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกพบและสนใจ
5. ความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า: ระบบ "คลิกและรับ" (Click and Collect) ที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่ร้าน เพื่อลดเวลาที่ต้องรอรับสินค้า
6. การรวมกับแพลตฟอร์มที่มีผู้คน: การเปิดร้านในแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานมาก แอปพลิเคชันออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงและสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
7. การให้บริการหลังการขาย: หลังจากการซื้อสินค้าหรือบริการที่ออนไลน์ลูกค้าสามารถไปรับสินค้าหรือบริการเสริมที่ร้านออฟไลน์ เช่น การให้คำปรึกษา การบริการหลังการขาย เป็นต้น